"
เมคคาทรอนิกส์ " อาจจะดูแปลกหูหน่อยสำหรับคนไทยและก่อนที่จะบอกว่ามันคืออะไร
? อยากให้ท่านลองมองรอบตัวท่านก่อน
ท่านเคยสังเกตไหมว่าปัจจุบันเรามีอะไร
ๆ ที่มักเป็นแต่อัตโนมัติหากนึกไม่ออกก็ลองมองดูสิ่งที่เราคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป
, เครื่องซักผ้า , CD PLAYER , VDO , COMMPUTER
, รีโมทคอนโทรล , โทรสาร , โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่เครื่องถ่ายเอกสารที่มีระบบอัตโนมัติ
กันดาดดื่น ก็ล้วนแต่เป็นผลพวงจากเมคคาทรอนิกส์ทั้งสิ้น
นี่ยังไม่รวมถึงบรรดาเครื่องจักร
CNC เครื่องมือ
หุ่นยนต์ , FMS , CAD/CAM , AS/RS , AGV , ระบบอัติต่าง ๆ ในบริษัทหรือโรงงานที่นำความรู้ด้านเมคคาทรอนิกส์มาใช้
แต่แปลกที่ใคร ๆ ไม่ค่อยจะรู้สึกถึงคุณค่าของมันแถมยังแทบไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำว่า
" เมคคาทรอนิกส์ " คืออะไร
?
จริง ๆ แล้วตามความหมาย
เมคคาทรอนิกส์ คือ " การผสมผสานรวมกันของวิศวกรรมเครื่องกลที่เที่ยงตรง
อิเล็กทรอนิกส์การควบคุมและความคิดอย่างเป็นระบบในการออกแลลผลิตภัณฑ์
( Product ) และกระบวนการ
( Process ) ทางการผลิต "
คำว่า
" Mechatronics " เกิดจากการนำคำ
" Mechanic " และ "
Electronic " มาผสมผสานกัน เกิดเป็นเทคโนโลยีของการผสานระหว่างสาขาวิชาที่ว่าด้วยวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์ การควบคุมและเครื่องกล ที่สามารถนำผลลัพธ์ที่ได้ไปพัฒนางานในระบบอุตสาหกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่ว่าจะเป็นระบบอัตโนมัติในโรงงาน (
Factory Automatic ) , ในสำนักงาน ( Office Automation ) หรือในบ้าน
( Home Automatic )
เรียกได้ว่าเราทุกคนเวียนวนอยู่ในโลกแห่งเมคคาทรอนิกส์โดยไม่รู้ตัว
!!!!
ความเป็นมา
ความจริงแล้ว ผู้ที่รู้จักเมคคาทรอนิกส์
และเริ่มใพัฒนานำมันมาใช้งานมีมานานกว่า 20 ปี แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้บัญญัติศัพท์หรือนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้เป็นคนแรก
? แต่คาดว่าน่าจะมาจากญี่ปุ่น ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีแบบผสมผสานนี้มาใช้งานในอุตสาหกรรมยานยนต์
และแพร่หลายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นอย่างรวดเร็ว
ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาประเทศในแถบยุโรปก็มีความตื่นตัวเรื่องเมคคาทรอนิกส์กันมากและเริ่มนำมาบรรจุเป็นสาขาวิชาที่สอนในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่าง
ๆ ทางด้านวิศวกรรม
วิวัฒนาการ
จากตัวอย่างที่กล่างไปข้างต้นว่า
กล้องถ่ายรูปอัตโนมัติ คือ หนึ่งในพัฒนาการของเมคคาทรอนิกส์ เมื่อเราเอาไปเปรียบจะเห็นได้ชัดเจนว่ากล้องถ่ายรูปสมัยก่อน
เมื่อสักประมาณ 20 - 30 ปีที่แล้วนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกล้องที่ทำงานด้วยกลไกเชิงกล
( Mechanic ) การตั้งหน้ากล้อง ตั้งความเร็ว
ปรับโฟกัส ขึ้นฟิลม์ล้วนต้องทำงานดดยใช้มือเพื่อหมุน ปรับกลไกต่าง
ๆ
แต่กล้องถ่ายรูปในปัจจุบันผู้ถ่ายมีหน้าที่กดปุ่มและดูภาพให้อยู่ในจอเท่านั้น
นอกนั้น เครื่องจะเป็นตัวปรับตั้งโดยอัตโนมัตินี่คือตัวอย่างหนึ่งในผลพวงของพัฒนาการทางด้านเมคคาทรอนิกส์
คราวนี้
คงพอจะเห็นความสำคัญของเมคคาทรอนิกส์บ้างแล้วว่ามีมากน้อยเพียงไร ?
และจะยิ่งทวีคูณในอนาคตอันใกล้นี้
ความสำคัญ
การที่เมคคาทรอนิกส์ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายก็เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ซึ่ง เมคคาทรอนิกส์ก็นเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาทางด้านความต้องการต่าง
ๆ เหล่านี้เป็นอย่างดี เช่น
การออกแบบและการผลิตชิ้นส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ / ซอฟต์แวร์
เมคคาทรอนิกส์เป็นการแพร่หลายเท่า
ๆ กันในการพัฒนากรรมวิธีและผลิตภัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น ระบบการผลิตยุคใหม่นั้นเกิดขึ้นโดยเมคคาทรอนิกส์ที่เป็นผลของยุทธวิธีการผลิตสมัยใหม่
เช่น ของเสียเป็นศูนย์ที่ต้องการผลสำเร็จสูงสุดในคุณภาพและความเชื่อถือได้
ระบบอัตโนมัติถูกใช้บ่อย
ๆ ในการแทนที่การทำงานที่ซ้ำ ๆ กันและการใช้งานจำนวนมากในการทำงานแบบดั้งเดิม
อย่างไรก็ตามมันก็ได้กลายมาเป็นเคริ่องมือสำหรับการประกันคุณภาพและเพิ่มผลผลิตและใช้แก้ปัญหาสำหรับความต้องการในอุตสาหกรรมการผลิตที่ซับซ้อน
ใครที่ต้องการช่างเมคคาทรอนิกส์
?
โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้อุปกรณ์และเครื่องจักร
ต่อไปนี้
- นิวเมติกส์
- ไฮดรอลิกส์และระบบวัดคุม
- เครื่องจักรกล
CNC
- ระบบขนถ่าย
- ลำเลียงวัสดุ
- ระบบการประกอบลิตภัณฑ์อัตโนมัติ
- หุ่นยนต์อุตสาหกรรม
- ระบบตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์
- ระบบควบคุมการผลิต
- ระบบโรงงานอัตโนมัติ
เหล่านี้เป็นบางส่วนของเมคคาทรอนิกส์
และเป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดหลักสูตร "
วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ " ขึ้นมาและได้มีการเปิดการเรียนการสอนไปแล้ว
10 สถาบัน โดยมีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เปิดสอนในระดับปริญญาตรีเป็นแห่งแรก
การศึกษาเมคคาทรอนิกส์ในประเทศไทย
แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นสิ่งแปลกกับการที่คนเราจะมาเรียนหลาย
ๆ สาขาวิชาวิศวกรรมรวมกัน ภายในระยะเวลาแค่ 4 ปี !!! และสิ่งที่ยังเป็นข้อกังขาคือบุคลากรที่จบออกมาจะหยิบโหย่งหรือเปล่า
? และจะทำงานได้ดีเท่าวิศวกรพันธ์เพียว ๆ หรือเปล่า ?
สิ่งนั้นยังไม่สำคัญเท่า...การที่จะผลิตวิศวกรแขนงนี้ออกมาได้นั้น...หลายฝ่ายต้องเหนื่อยกันขนาดไหน
แล้วเป็นการเสียเวลาหรือไม่ ในเมื่อประสบการณ์ด้านนี้ยังเตาะแตะ เพราะเราเพิ่งมาตื่นตัวไม่นาน
แม้ว่าในหลาย ๆ สถาบันจะบรรจุเมคคาทรอนิกส์ลงในหลักสูตรกันแล้วนั้น
แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก
สถาบันอิสระสถาบันหนึ่งทีสามารถเพิ่มเติมความรู้และทักษะทางด้านเมคคาทรอนิกส์
" สถาบันไทย - เยอรมัน " ซึ่งเป็นสถาบันที่เริ่มดำเนินการมาได้ประมาณ
2 ปีเศษ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ร่วมกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
ขณะที่ทางสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันก็ได้ออกแบบหลักสูตรไว้ครอบคลุมเช่นกัน
โดยนักศึกษาภาควิชานี้ จำเป็นต้องรอบรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อออกแบบและพัฒนา
สร้างซ่อม เตรื่องกลชาญฉลาด และระบบต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนงานวิจัยโรงงาน
และสถาบันวิจัย
สำหรับองค์ประกอบของหลักสูตรเมคคาทรอนิกส์นั้นก็มี
- กลุ่มวิชาเครื่องกล
: ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลและการส่งกำลัง เทคโนโลยีการแปรรูปด้วยเครื่องมือกล
CNC , CAD/CAM หุ่นยนต์อุตสาหกรรม
- กลุ่มวิชาระบบควบคุม
: นิวเมติกส์และไฮตรอลิกส์ การควบคุมอัตโนมัติ PLC
-
กลุ่มวิชาไฟฟ้า - อิเล็กทรอนิกส์ : วงจรไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์
ดิจิตอล ไมโครโปรเซสเซอร์ ทรานสดิวเซอร์
- กลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์
: คอมพิวเตอร์และการใช้งาน การสื่อสารข้อมูล การสื่อสารและระบบเครือข่าย
ระบบโรงงานอัตโนมัติ
สถานศึกษาในสังกัดกรมอาชีวศึกษาที่เปิดทำการสอนหลักสูตรวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์
ระดับปริญญาตรี
- สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน
ถนนพระราม 1 ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โทร. 02-215-3528-31
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
- วิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส
จังหวัดนราธิวาส โทร. (073)511-192
- วิทยาลัยช่างกลปทุมวันแห่งที่
2 จังหวัดปราจีนบุรี โทร. (01) 856-9926
- วิทยาลัยเทคนิคอุตสาหกรรมยานยนต์
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร. (035)331-000
- วิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์
จังหวัดกาฬสินธุ์
โทร. (043) 811-782
- วิทยาลัยเทคนิคลำปาง
จังหวัดลำปาง โทร. (054) 223-006
, 217-106
- วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี
จังหวัดกรุงเทพมหานคร โทร. (02) 517-5134 , 517-2041
- วิทยาลัยราชสิทธาราม
กรุงเทพมหานคร โทร. (02) 416-5806
- วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช
จังหวัดนครศรีธรรมราช โทร. (075) 517-845 , 356-062
ไม่ง่าย......อย่างไร
?
ถามว่านักศึกษาไทยจะเรียนเมคคาทรอนิกส์ได้เหรอ
? ทั้ง ๆ ที่วิศวกรรมเครื่องกลเขาเรียนกัน 4 ปี ไฟฟ้าก็ 4 ปี คอนโทรลก็
4 ปี แต่นี่จะเรียน 4-5 สาขาภายใน 4 ปีเหมือนกันแล้วนักศึกษาที่จบออกไปจะเก่งจะทำงานได้หรือ
ปรากฏว่าที่ผลิตไป
2 รุ่น เข้าทำงานได้และทำงานได้ 100 %
แล้วจะผิดไหม
? ถ้าวิศวกรคนหนึ่งมีความรู้ในหลาย ๆ ทางเพื่อทำให้การทำงานมันง่ายขึ้น
นั่นไม่ใช่ความจับฉ่ายหรือหยิบโหย่ง......แต่เป็นการเพิ่มคุณค่าของคนที่เหมาะสมนักกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมไทย
|